เช็กเลย 10 ธุรกิจ ปี 2567 จับมือกันเติบโต-เข้าภาวะถดถอย.

26 ธันวาคม 2567
เช็กเลย 10 ธุรกิจ ปี 2567 จับมือกันเติบโต-เข้าภาวะถดถอย.

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดโผ 10 ธุรกิจดาวรุ่ง-ธุรกิจที่ต้องปรับตัว ปี 2567 ตามคาดธุรกิจกีฬาและออกกำลังกาย จูงมือกันเติบโต ขณะที่อุตสาหกรรมหรือธุรกิจแบบดั้งเดิมที่ไม่มีการปรับปรุงเทคโนโลยีหรือประสิทธิภาพการผลิตและบริการ เผชิญภาวะถดถอย คาดปี 2568 ภาคธุรกิจต้องเผชิญความท้าทาย แนะนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า กรมวิเคราะห์ธุรกิจดาวรุ่งและธุรกิจจากข้อมูลการจดทะเบียนธุรกิจเชิงลึก เช่น จำนวนการจัดตั้งธุรกิจใหม่ ผลประกอบการ (กำไร-ขาดทุน) การเลิกประกอบกิจการ รวมทั้งปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ เช่น แนวโน้มธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ กระแสความนิยม นโยบายภาครัฐ ดัชนีทางเศรษฐกิจ สถานการณ์เศรษฐกิจภาพรวมของประเทศ และการแข่งขันของธุรกิจ โดยผลการวิเคราะห์ฯ พบว่า ปี 2567

5 ธุรกิจดาวรุ่ง

1) กลุ่มธุรกิจกีฬาและการออกกำลังกาย ได้แก่ ธุรกิจจำหน่ายเสื้อผ้า อุปกรณ์กีฬา สถานฝึกสอนกีฬา และธุรกิจจัดการแข่งขันกีฬา โดยปี 2567 มียอดการจดทะเบียนจัดตั้งกลุ่มธุรกิจกีฬาและการออกกำลังกายสะสม 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) 732 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 195 ราย (36.31%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 537 ราย) ทุนจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่มีมูลค่า 1,751.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 713.57 ล้านบาท (68.77%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 1,037.62 ล้านบาท)

ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจย่อยที่เติบโตได้ดี คือ การจัดตั้งธุรกิจด้านสถานที่ออกกำลังกายและสอนออกกำลังกายมีการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่เพิ่มขึ้นกว่า 27% นอกจากกีฬาที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว ยังมีการออกกำลังกายแบบใหม่ที่กำลังเป็นที่นิยมและได้รับความสนใจจากผู้บริโภคเพิ่มขึ้น เช่น โยคะ พิลาทิส (Pilates) การดำน้ำ เป็นต้น

โดยปี 2566 กลุ่มธุรกิจกีฬาและการออกกำลังกาย มีรายได้รวมอยู่ที่ 93,397.82 ล้านบาท สูงกว่าช่วงก่อนสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

2) กลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวและความบันเทิง ได้แก่ ธุรกิจโรงแรมที่พัก ธุรกิจร้านขายของที่ระลึก ธุรกิจความบันเทิงและการแสดงโชว์ โดยปี 2567 ยอดสะสม 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) กลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยวและความบันเทิงมีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล 1,976 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 477 ราย (31.82%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 1,499 ราย) ทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่มีมูลค่า 6,427.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 1,740.48 ล้านบาท คิดเป็น 37.13% (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 4,687.02 ล้านบาท)

ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจย่อยที่เติบโตได้ดี คือ ธุรกิจความบันเทิง การแสดงโชว์ ก็มีการเติบโตสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน โดยสถิติการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่มีกว่า 31.72% มูลค่าทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นกว่า 1.82 เท่า

3) กลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ ธุรกิจผลิตมอเตอร์ไฟฟ้า ธุรกิจแบตเตอรี่ ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ธุรกิจผลิตตัวถังยานยนต์ ในปี 2567 เฉพาะกลุ่มธุรกิจย่อยชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นกว่า 61%

โดยปี 2566 กลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ มีรายได้รวมกว่า 3.6 ล้านล้านบาท ปี 2567 ยอดสะสม 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) กลุ่มธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล 1,033 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 183 ราย (21.53%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 850 ราย)

ขณะที่ทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่มีมูลค่า 7,797.57 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 3,560.37 ล้านบาท (31.35%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 11,357.94 ล้านบาท) เนื่องจากปี 2566 มีนิติบุคคลในกลุ่มการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ที่มีทุนจดทะเบียนสูงหลายราย ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนจัดตั้งในปี 2567 ลดลง

4) กลุ่มธุรกิจ e-Commerce ได้แก่ ธุรกิจแพลตฟอร์ม e-commerce ธุรกิจคลังสินค้าและขนส่งสินค้า ธุรกิจกล่องบรรจุพัสดุ ปี 2567 ยอดสะสม 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) กลุ่มธุรกิจ e-commerce มีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล 2,283 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 365 ราย (19.03%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จัดตั้ง 1,918 ราย) ทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่มีมูลค่า 3,979.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 755.31 ล้านบาท (23.42%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 3,224.59 ล้านบาท) ปี 2566 กลุ่มธุรกิจ e-commerce มีรายได้รวม 444,101.69 ล้านบาท

นอกจากนี้ กลุ่มธุรกิจย่อยการผลิตกล่องกระดาษที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งในปี 2567 เพิ่มสูงขึ้นกว่า 77% และทุนจดทะเบียนเพิ่มสูงขึ้นกว่า 2.41 เท่า รวมทั้งธุรกิจคลังสินค้าและขนส่งสินค้าที่เกี่ยวข้องจากการค้าในรูปแบบ Cross-Border e-Commerce เป็นโอกาสที่เปิดกว้างการค้าระหว่างประเทศของผู้ประกอบธุรกิจ

5) กลุ่มธุรกิจการผลิตภาพยนตร์ ได้แก่ ธุรกิจการผลิตภาพยนต์ วิดีทัศน์ รายการโทรทัศน์ และการตัดต่อภาพและเสียง ปี 2567 ยอดสะสม 11 เดือน (ม.ค.-พ.ย.) กลุ่มธุรกิจการผลิตภาพยนตร์มีการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล 242 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 22 ราย (10%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 220 ราย) ทุนจดทะเบียนจัดตั้งใหม่มีมูลค่า 630.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 340.09 ล้านบาท คิดเป็น 1.16 เท่า หรือ 116.92% (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 290.89 ล้านบาท)

5 ธุรกิจที่เข้าสู่ภาวะถดถอย/ต้องเร่งปรับตัว

1) ธุรกิจการผลิตเหล็ก โลหะมีค่า และอัญมณี ได้แก่ ธุรกิจผลิตเหล็กและเหล็กกล้า ขั้นต้น ขั้นกลาง เหล็กแผ่น ธุรกิจผลิตโลหะมีค่า ธุรกิจผลิตโลหะที่เป็นโครงสร้างของการก่อสร้างอาคาร ธุรกิจผลิตเครื่องประดับ การเจียระไน เพชรพลอย เป็นต้น ธุรกิจการผลิตเหล็ก โลหะมีค่า และอัญมณี ปี 2567 เผชิญภาวะถดถอยทั้งจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจและมูลค่าทุนจดทะเบียน

โดยในปี 2567 (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล 306 ราย ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 18 ราย (5.56%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 มีจำนวน 324 ราย) และมูลค่าทุนจดทะเบียน 2,492.42 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 73.14 ล้านบาท (2.85%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 2,565.56 ล้านบาท)

2) ธุรกิจร้านค้าส่งค้าปลีกแบบออฟไลน์ (ร้านค้าโชห่วย) ได้แก่ ธุรกิจขายปลีกสินค้าอื่นๆ ในร้านค้าทั่วไป ปี 2567 (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล 1,466 ราย ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 18 ราย (1.21%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 1,484 ราย) และมูลค่าทุนจดทะเบียน 2,004.79 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 4.51 ล้านบาท (0.22%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 2,009.29 ล้านบาท)

3) ธุรกิจสื่อและการประชาสัมพันธ์แบบออฟไลน์ ได้แก่ ธุรกิจพิมพ์หนังสือพิมพ์และวารสาร ธุรกิจจัดพิมพ์จำหน่ายหรือเผยแพร่โบรชัวร์ใบปลิวและสิ่งพิมพ์อื่น ๆ ธุรกิจกิจกรรมเผยแพร่ภาพยนตร์ฯ (จำหน่ายฟิล์มภาพยนตร์ให้แก่โรงภาพยนตร์ เครือข่ายโทรทัศน์ ฯลฯ) เป็นต้น

ธุรกิจสื่อและการประชาสัมพันธ์แบบออฟไลน์ถดถอยอย่างชัดเจน ปี 2567 (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล 13 ราย ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 17 ราย (56.67%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 มีจำนวน 30 ราย) และมูลค่าทุนจดทะเบียน 10.40 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 34.20 ล้านบาท (76.68%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 44.60 ล้านบาท)

4) ธุรกิจแปรรูปสินค้าทางการเกษตร ได้แก่ ธุรกิจแปรรูปและการถนอมผลไม้และผักด้วยวิธีอื่น ๆ ธุรกิจการผลิตผลิตภัณฑ์สัตว์น้ำด้วยการอบแห้ง การรมควัน การทำเค็ม การหมักในน้ำเกลือ หรือน้ำส้มสายชูธุรกิจการผลิตเนื้อสัตว์และเนื้อสัตว์ปีกด้วยการ อบแห้ง การทำเค็มหรือการรมควัน ธุรกิจแปรรูปสินค้าเกษตร ปี 2567 (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล 123 ราย ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 40 ราย (24.54%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 163 ราย) และมูลค่าทุนจดทะเบียน 311.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 294.43 ล้านบาท (5.87%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 17.29 ล้านบาท)

5) ธุรกิจตัวแทนและนายหน้า ได้แก่ ธุรกิจกิจกรรมของตัวแทนผู้รับจัดการขนส่งสินค้าและตัวแทนออก ธุรกิจกิจกรรมของตัวแทนและนายหน้า ประกันชีวิต ประกันวินาศภัย ธุรกิจกิจกรรมของตัวแทนและนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น ธุรกิจตัวแทนและนายหน้า ปี 2567 (ม.ค.-พ.ย.) มีจำนวนการจดทะเบียนจัดตั้งนิติบุคคล 2,037 ราย ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 357 ราย (14.91%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 2,394 ราย) และมูลค่าทุนจดทะเบียน 5,865.61 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จำนวน 6,565.32 ล้านบาท (52.81%) (ม.ค.-พ.ย. 2566 จำนวน 12,430.93 ล้านบาท)

อย่างไรก็ดี ในปี 2568 ภาคธุรกิจยังคงต้องเผชิญความท้าทายอย่างต่อเนื่องทั้งจากภายในประเทศและต่างประเทศ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าขอแนะนำให้ภาคธุรกิจปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องและยืดหยุ่นตามสถานการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการผลิต/การบริการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ สร้างเครือข่ายพันธมิตรทางธุรกิจและเชื่อมโยงธุรกิจระหว่างกันในลักษณะการช่วยเหลือเกื้อกูล

นำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่แตกต่างจากคู่แข่ง มีการใช้ Data เป็นตัวช่วยตัดสินใจทางธุรกิจ และปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับแนวโน้มธุรกิจที่ยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม สิ่งสำคัญที่สุด คือ ต้องติดตามข่าวสารและแนวโน้มการประกอบธุรกิจทั้งของประเทศไทยและทั่วโลกอย่างใกล้ชิด เนื่องจากเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและรวดเร็ว ดังนั้น ผู้ประกอบการที่รู้ทันการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจและสามารถปรับตัวได้ทัน จะช่วยให้สามารถรับมือและนำพาธุรกิจให้ก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจและธุรกิจมีความมั่นคง


แหล่งที่มา : ประชาชาติธุกิจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

The information in the above report, publication and website has been obtained from sources believed to be reliable. However, Iron & Steel Institute of Thailand does not guarantee the accuracy, adequacy or completeness of the information. Any opinions or forecasts regarding future events may differ from actual events or results. In addition, Iron & Steel Institute of Thailand reserves the right to make changes and corrections to the information, including any opinions or forecasts, at any time without notice.